ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แชมพูสมุนไพร

ส่วนประกอบ :
- มะกรูด 1 ผล
- ฝักส้มป่อย 1-2 ฝัก
- รำข้าวละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :
1. นำมะกรูดและฝักส้มป่อยไปเผาไฟให้มีกลิ่นหอม
2. ผ่าซีกมะกรูด นำไปต้มรวมกับฝักส้มป่อยในน้ำ 1 ชาม  ต้มจนเดือด
3. นำน้ำที่ต้มได้ผสมกับน้ำเย็น 1 กะละมัง
4. เติมรำข้าว คนให้เข้ากัน  เอาน้ำที่ได้ไปชโลมเส้นผม นำกะละมังมารองน้ำที่ใช้ชโลมแล้วกลับมาทำซ้ำอีก ใช้หวีซี่ห่างสางผมไปด้วย ทำเช่นนี้ไป 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

สูตรนี้เมื่อใช้แล้วจะทำให้ผมนิ่ม ไม่พันกัน และมะกรูดจะช่วยรักษารังแคและอาการคันหนังศีรษะ

ใส่ใจหนังศีรษะบ้าง

     เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น กล้ามเนื้อใต้หนังศีรษะก็จะเกิดความตึงเครียดด้วย ทำให้ระบบไหลเวียนน้ำเหลืองใต้หนังศีรษะทำงานได้ไม่ดีและเกิดเป็นของเสียตกค้างใต้หนังศีรษะ ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เพียงพอ การนวดผ่อนคลายกล้ามบริเวณหนังศีรษะจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการนวดหนังศีรษะทุกครั้งที่สระผม ด้วยการกางนิ้วมือทั้งสิบกดลงไปและนวดให้ทั่วศีรษะ  เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และนวดต้นคอและบ่าทั้งสองข้าง  เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและการไหลเวียนน้ำเหลืองให้ทำงานดีขึ้น

     นอกจากการนวดหนังศีรษะแล้ว การดีท็อกเส้นผมและหนังศีรษะก็สามารถช่วยกำจัดของเสียได้เช่นกัน โดยทำได้ 2 วิธีคือการนวดด้วยมือ และการดีท็อกหนังศีรษะด้วยแรงดันน้ำระบบสูญญากาศ เพื่อชะล้างคราบสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนเส้นผม  และใช้น้ำอุ่นกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้หล่อเลี้ยงหนังศีรษะได้ดีขึ้น แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกันไป เช่น การนวดด้วยมือสามารถสร้างความผ่อนคลายได้มากกว่าการนวดด้วยเครื่อง ในขณะที่การนวดด้วยเครื่องสามารถทำความสะอาดเส้นผมได้ล้ำลึกมากกว่าการนวดด้วยมือเป็นต้น

     การทำดีท็อกหนังศีรษะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน เช่น ผู้ที่ทำสีผมบ่อย ผมเสียมาก หรือมีปัญหาเรื่องผิวหนังอักเสบ เป็นแผลเป็นรังแค อาจทำบ่อยได้ถึง 2 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้ต้องการดูแลเส้นผมธรรมดาอาจทำเดือนละ 1 ครั้งก็น่าจะพอแล้ว

     การเสริมสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเส้นผมจากภายในด้วยการเลือกกินอาหารก็จำเป็นเช่นกัน ถ้าคุณต้องการให้ผมเงางามควรกินสารอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง เช่น ฟักทอง มะละกอ ตำลึง หรือแครอท และควรเสริมวิตามินซีและอี ธาตุสังกะสี  ธาตุเหล็ก จากอาหารจำพวกข้าวไม่ขัดขาว ข้าวสาลี ไข่ ถั่ว นม ธัญพืช ผักผลไม้ และตับ เพื่อบำรุงเส้นผมด้วย ที่สำคัญควรลดการดื่มน้ำอัดลม เนื่องจากทำให้เลือดเป็นกรดและส่งผลให้เส้นผมสูญเสียแร่ธาตุ

น้ำยาล้างห้องน้ำ

พอพูดถึงสารเคมี คนจะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที บ้างก็เป็นพิษ บ้างก็ติดไฟ แต่ถ้ามองไปรอบตัวจะพบว่าทุกอย่างเป็นสารเคมีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าถ้าเรารู้จักใช้ประโยชน์และระวังการใช้ให้ถูกต้อง ท่านลองเดินเข้าไปในครัว ในห้องน้ำ เคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่า มีอะไรที่เป็นสารเคมีอันตรายบ้าง โดยเฉพาะที่อยู่บนพื้นห้องน้ำ เช่น น้ำยาขัดพื้น ท่านเคยอ่านฉลากที่ขวดไหม หากได้ลองอ่านดูจะพบว่าบางชนิดระบุว่ามีส่วนผสมของ hydrochloric acid หรือกรดเกลือ ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากเด็กตัวเล็ก ๆ ของเราเกิดไปเทมันออกมาเล่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
เรามักพบกรดเกลือในผลิตภัณฑ์ประเภท “ น้ำยาล้างห้องน้ำ ” เพราะกรดเกลือจะมีคุณสมบัติในการกัดกร่อนคราบสกปรก ทำให้สามารถทำความสะอาดสุขภัณฑ์ได้ง่าย ซึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มักโฆษณาว่า “ แค่เทน้ำทิ้งไว้สักครู่ ไม่ต้องเสียเวลาขัด ก็จะขจัดคราบสกปรกได้แล้ว ” ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีกรดเกลือเป็นส่วนผสมอยู่เสมอ
ขึ้นชื่อว่ากรด ย่อมมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้มข้น หากเราลองหยดกรดเกลือลงบนปูนหรือกระเบื้อง จะเห็นฟองฟู่ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างกรดกับปูนเกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซี่งหากไม่ใช่ปูนแต่เป็นเนื้อหนังของเราผลลัพธ์จะร้ายแรงแค่ไหน เพราะฉะนั้นหากเห็นชื่อ กรดเกลือ หรือ hydrochloric acid จงระวังไว้ว่ามันคือสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ถูกผิวหนังจะเกิดแผลเป็น เข้าตาก็อาจตาบอดได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำหลังจากสัมผัสน้ำยาที่มีสารเหล่านี้ก็คือล้างด้วยน้ำมาก ๆ และถ้ามีผงฟูติดบ้านก็เอามาละลายน้ำประมาณ ๑ ช้อนต่อน้ำ ๑ แก้ว ราดบนผิวหนังที่ถูกกรด ก็จะช่วยลดฤทธิ์ของมันได้

น้ำยาอเนกประสงค์

 น้ำยาอเนกประสงค์
ส่วนประกอบ
น้ำหมักชีวภาพ                                      ๕  ลิตร
น้ำด่างจากขี้เถ้า                                    ๕ ลิตร(แช่ขึ้เถ้าในน้ำ ๓-๕ วันหรือจนกว่าน้ำจะตกตะกอนใส)
เกลือป่น                                                ๓ กก.
N70(สารทำให้เกิดฟอง)                       ๑ กก.
ถังกวนน้ำยาอเนกประสงค์(ถังพลาสติก)และไม้พาย

วิธีทำ
      1.  ผสม N70 และเกลือป่นเข้าด้วยกัน  กวนด้วยไม้พาย ให้กวนไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อเกลือละลายหมด น้ำยาอเนกประสงค์จะมีลักษณะขุ่นขาว คล้ายกาว หนืดและข้น ใช้เวลาในการกวน ๑-๒ ชม.
      2.  เติมน้ำด่างขี้เถ้าและน้ำหมักชีวภาพสลับกัน กวนต่อจนน้ำยาเช้ากันดี ใช้เวลาประมาณ ๑ ชม.
      3.  จะได้น้ำยาอเนกประสงค์ในลักษณะข้นใส เป็นเงา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหมักชีวภาพ

ประโยชน์ : ใช้ซักผ้า ล้างจาน ล้างห้องน้ำ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ท่อน้ำไม่เกิดการอุดตันและเน่าเหม็น
น้ำหมักชีวภาพที่นำมาใช้ แนะนำ น้ำหมักจากมะกรูด มะเฟือง มะขาม มะนาว ที่มีรสเปรี้ยวหรือมีกลิ่นหอม น้ำหมักควรเป็นน้ำหมักที่หมักจนมีความใส ตกตะกอนหมดแล้ว จะทำให้ได้น้ำยาอเนกประสงค์ที่ใสดูน่าใช้